การสร้างระยะ 1 : มุมเข้าลูก (Attack Angle)

การสร้างระยะ 1 : มุมเข้าลูก /Attack Angle

      มีนักกอล์ฟหลายต่อหลายคนที่มีปัญหาว่า ตีเหล็กทำระยะได้ แต่พอมาตีหัวไม้หนึ่งไม่ได้ระยะ นั่นอาจเป็นเพราะวงสวิงของหัวไม้ 1 กับไม้อันอื่นๆมีความแตกต่างกันเล็กน้อย และเพราะความแตกต่างเล็กน้อยนี้แหละที่ส่งผลให้ท่านนักกอล์ฟทำระยะไม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

     ในตอนที่ 1 นี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่องแนวสวิง
ตามปรกติแล้วเวลาที่ทุกๆคนหัด
เล่นกอล์ฟ โปร
ผู้สอนจะสอนให้มืออยู่หน้าลูกในจังหวะที่ตีลูก
โดยปรกติแล้วน่าจะเป็นแบบนั้น เพราะจะทำให้
สามารถตีลูกได้แน่น แต่สำหรับหัวไม้ 1 แล้วมัน
ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะโดยพื้นฐานแล้วการตีลูก
ให้แน่นด้วยวงสวิงที่ชันลงมา (Hit Down) จังหวะ
ที่ตีลูก มือจะอยู่ในตำแหน่งหน้าลูกเล็กน้อย จุด
ต่ำสุดของวงสวิงจะอยู่ในจุดที่เลยลูกไปเล็กน้อย
จะสร้างแบ็คสปินได้ดี ลูกที่ออกไปจะวิ่งไม่มากนัก
ซึ่งจะเหมาะกับการตีเข้าสู่เป้าหมายที่ไม่กว้างนัก
เช่นกรีน ส่วนการตีหัวไม้ 1 หรือบางครั้งก็ใช้กับ

ไม้อื่นในบางสถานการณ์จะตีในแนวเสยขึ้น (Hit Up ) จังหวะที่ไม้กระทบลูกนั้น มือควรที่จะอยู่หลังลูกและเป็นจังหวะที่หัวไม้เสยขึ้นหลังจากที่ผ่านจุดต่ำสุดของวงสวิงไปแล้ว เพื่อที่จะให้เกิดมุมเหินที่มากขึ้นและแบ็คสปินที่ไม่มากจนเกินไป เพื่อที่ว่าเมื่อลูกตกพื้นแล้วจะวิ่งต่อไปให้ได้ระยะที่มากที่สุด อีกทั้งหัวไม้ 1 ยังมีองศาที่น้อย ถ้าตีแบบกดลงมาจะทำให้องศาหน้าไม้เวลาตีที่ลูกน้อยเกินไป มุมที่ลูกออกไป(Lanuch angle) จะพุ่งต่ำ ตกเร็ว แบ็คสปินสูง จึงทำให้ลูกที่ออกไปไม่ได้ระยะเท่าที่ควร ผมจะเอาตารางมาเปรียบเทียบให้ดูกัน

     จะเห็นได้ว่าทุกความเร็วหัวไม้ (Clubhead speed) จะเหมือนกันคือ แนวการเข้าลูก(Attack angle) จากมุมที่ชันลงมาจะสร้างมุมเหินที่ต่ำและสปินที่มากกว่าการเข้าลูกในมุมเสย ทำให้ได้ระยะที่ลูกลอย(Carry distance) และระยะที่ลูกหยุดอยู่ (Total distance) ต่ำกว่า

เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้วอยากให้ท่านนักกอล์ฟได้ลองปรับวงสวิงของตัวท่านเองดูเล็กน้อย เพื่อที่จะทำให้การตีหัวไม้ 1 ของท่านมีประสิทธิภาพและสนุกกับเกมส์กอล์ฟมากยิ่งขึ้นครับ

คำอธิบายท้ายเรื่อง : บางท่านอาจจะเคยเห็นตารางของนักกอล์ฟในระดับ PGA Tour แล้วสงสัยว่าที่อธิบายไปว่าให้ตีแบบ Hit Up แต่ทำไมนักกอล์ฟในระดับนั้นถึงตีแบบ Hit Down นั้นก็เพราะพวกเขาเหล่านั้นสามารถตีได้ระยะในระดับที่น่าพอใจอยู่แล้ว และแฟร์เวย์ในทัวร์จะมีความกว้างที่น้อยกว่าปรกติ จึงเลือกตีแบบ Hit Down เพื่อสร้างแบ็คสปิน เมื่อแบ็คสปินมาก ไซด์สปินก็น้อย ลูกก็ควบคุมทิศทางได้ดี ไม่ค่อยออกนอกแฟร์เวย์ไปมากนัก

 


ชื่อผู้ตอบ: